27 กุมภาพันธ์ 2551

ตำนาน Warcraft

ไม่มีใครล่วงรู้แน่ชัดว่าจักรวาลเกิดขึ้นได้อย่างไร บางทฤษฎีกล่าวว่าการระเบิดอันเลวร้ายของจักรวาลส่งผลให้โลกหมุนตัวออกไปสู่ความยิ่งใหญ่ของ Great Dark โลกที่จะต้องแบกรับรูปแบบสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างอันน่ากลัวและน่าพิศวง อีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่าจักรวาลที่มีอยู่ถูกสร้างขึ้นทั้งหมดโดยหนึ่งเดียวที่มีแก่นแท้ของพลังทั้งมวล ถึงแม้ว่าแหล่งกำเนิดที่แท้จริงของจักรวาลอันสับสนวุ่นวายเพื่อนำแบบแผนมาสู่โลกต่างๆและทำให้แน่ใจว่าอนาคตจะปลอดภัยสำหรับสิ่งมีชีวิตที่ดำเนินตามรอยเท้าของพวกเขา ไททั่น เทพขนาดมหึมาผิวเหมือนโลหะจากจักรวาลอันไกลโพ้น ก้าวออกมาทำหน้าที่บนโลกที่พบเห็น พวกเขากำหนดรูปแบบในโลกของพวกเขาด้วยการยกภูเขาขึ้นและขุดทะเลกว้าง พวกเขาหายใจจนเกิดเป็นท้องฟ้าและพ่นอากาศมาสู่สิ่งมีชีวิต พวกเขาคิดไปไกลว่าจะทำให้โลกที่พวกเขาสร้างปราศจากความวุ่นวายของพวกเขาล้วนเป็นสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้โดยละเอียด พวกเขามอบพลังให้กับเผ่าพันธุ์ดึกดำบรรพ์เพื่อดูแลผลงานและยึดมั่นในหลักคุณธรรมในโลกของพวกเขาแต่ละแห่ง ในช่วงยุคแรกของการสร้างโลก ไททั่น ที่อยู่ในการปกครองของกลุ่มย่อยชั้นสูงในนามว่า Pantheon ได้นำคำสั่งมาสู่โลกหนึ่งร้อยล้านดวงที่กระจัดกระจายอยู่ทั่ว Great Dark Beyond เนื่องจาก Pantheon ที่มีเมตตากำลังแสวงหาผู้คุ้มกันโลกที่เคยสร้างขึ้นมาและเคยต่อต้านการโจมตีจากความชั่วร้ายแก่นแท้แห่ง Twisting Nether ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าปกติมาแล้ว Nether คือมิติแห่งเวทมนตร์ที่สับสนไร้ตัวตนแท้จริงซึ่งเชื่อมโลกจำนวนมากมายในจักรวาลเข้าด้วยกัน และเป็นที่อยู่สำหรับสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายเหมือนผีสิงมากมายนับไม่ถ้วนซึ่งเพียงพยายามที่จะทำลายและกลืนกินพลังงานของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในจุกรวาลอย่างตะกละตะกลามเท่านั้นเอง ไททั่น ผู้มีใจบริสุทธิ์และยึดถือประโยชน์ของผู้อื่นไม่สามารถจินตนาการภาพปีศาจหรือความชั่วร้ายในรูปต่างๆได้ และดิ้นรนค้นหาวิธียุติการคุกคามที่แน่นอนของปีศาจด้วย

เพื่อปกป้องโลกจากพวกปีศาจร้าย Twisting Nether พวก Pantheon จึงเลือก Sargeras นักรบที่เก่งที่สุดของพวกเขามาทำหน้าที่เป็นแนวหน้าป้องกัน Sargeras ยักษ์ชั้นสูง ได้ปกป้องโลกมาเป็นเวลานานมากแล้วถ้าเขาเจอปีศาจที่ใดเขาก็จะทำลายมันออกไปให้หมด Sargeras ได้พบกับเผ่าผีสิงที่มีอานุภาพ 2 เผ่า ทั้ง2เผ่าต้องการพลังและครอบงำจักรวาลทั้งคู่ Eredar เผ่าเจ้าเล่ห์เพทุบายของหมอผีนับถือปีศาจ ใช้มนต์ดำทำให้โลกส่วนหนึ่งที่มันรุกรานตกเป็นทาส เผ่าพื้นเมืองในโลกเหล่านั้นถูกแปลงโฉมด้วยพลังอันยุ่งเหยิงของ Eredar และกลายเป็นปีศาจด้วยตนเอง แม้ว่าพลังแทบจะไร้ขีดจำกัดของ Sargeras จะมากมายเกินพอที่จะกำจัด Eredar ผู้ชั่วร้าย แต่เขาประสบปัญหาอย่างร้ายแรงจากการล่อลวงของสัตว์ร้ายและปีศาจครอบงำทั้งหลาย ไททั่น ที่ยิ่งใหญ่ได้โดนพลังแห่งความมืดครอบงำทีละเล็กทีละน้อย Sargeras พยายามกำจัดมนต์ดำมาตลอดเวลาโดยไม่คำนึงถึงความไม่สบายใจที่มีมากขึ้นของเขา เมื่อความสับสนและหดหู่ของเขาดำดิ่งลง Sargeras ถูกบังคับให้ต่อสู้กับอีกกลุ่มที่ตั้งใจรบกวนแบบแผนของไททั่น Nathrezim เผ่าทมิฬของปีศาจดูดเลือด(รู้จักในนามว่า Dreadlords) ออกเดินทางเพื่อพิชิตโลกแห่งหนึ่งที่อาศัยอยู่ด้วยการครอบครองพลเมืองของโลกและเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นเงา Dreadlord จอมวางแผนชั่วช้าได้เปลี่ยนแปลงประเทศทั้งหมดให้ต่อต้านกันเองด้วยการทำให้พวกเขาเกลียดอย่างไม่มีเหตุผลและขาดความไว้ใจแม้ Sargeras จะเอาชนะ Nathrezim ได้อย่างง่ายดายแต่การล่อลวงของมันมีผลกับเขาอยู่ลึกๆ Sargeras ผู้ประเสริฐ ไม่สามารถจัดการกับความกลัวที่รุมเร้าและความสิ้นหวังซึ่งครอบงำความรู้สึกของตนได้ Sargeras เริ่มเชื่อว่าแบบแผน ที่พวก ไททั่น สร้างขึ้นมาคือสิ่งเหลวไหล เขาเริ่มจะโดนพลังแห่งความมืดความงำมากขึ้น แม้ว่าเพื่อนพ้อง ไททั่น พยายามแนะนำข้อผิดพลาดและปลอบโยนอารมณ์พุ่งพล่านของเขา แต่ก็ไม่ทำให้เขากำจัดพลังความมืดภายในตัวเขาได้และ Sargeras ก็ถลันออกจากกองทหารไปตลอดกาล เขาออกค้นหาจุดหมายของตนเองในจักรวาล แม้ว่า Pantheon จะโศกเศร้ากับการจากไปของเขา แต่ไม่มีใครรู้ว่าพี่น้องของตนจะไปได้ไกลแค่ไหน เมื่อความมืดครอบงำเขาไปจนหมดแล้ว เขาเริ่มคิดว่า ไททั่น คือผู้รับผิดชอบความล้มเหลวในสิ่งที่เขาสร้างขึ้น ในที่สุด Sargeras ก็ได้ก่อตั้งกองทัพที่ไม่สามารถหยุดมันได้ กองทัพที่จะทำให้จักรวาลลุกเป็นไฟ Sageras ได้ปลดปล่อย Eredar และ Nathrezim พวกปีศาจเจ้าเล่ห์ได้เสนอตัวเป็นทาสของเขาพร้อมกับสาบานว่าจะรับใช้เขาไปตลอดกาล Sargeras ต้องการทหารเอก 2 คนเพื่อมาเป็นผู้นำให้แก่กองทัพปีศาจ Kiljaeden ได้รับเลือกให้ค้นหาเผ่าพันธุ์ที่ชั่วร้ายที่สุกในจักรวาลและล่อลวงมาสู่ความมืด ของ Sargeras ส่วนคนที่ 2 คือ Archimonde ได้รับเลือกให้นำกองทัพมหึมาเข้าต่อสู้กับพวกที่ต่อต้าน Sargeras ก้าวแรกของ Kiljaeden คือการทำให้พวก Dreadlords ตกเป็นทาสภายใต้พลังอันร้ายกาจของมัน พวก Dreadlords ทำหน้าที่เป็นสุดยอดผู้คุ้มกันและสายลับไปทั่วจักรวาล Kiljaeden ได้เลือกหนึ่งในบรรดา Dreadlords คือ Tichondrius เป็นทหารที่สมบูรณ์แบบ ส่วน Archimonde ยังมอบอำนาจการเป็นสายลับให้กับตัวเองมันหวังที่จะรวบรวมเผ่าพันธุ์ที่มีการต่อสู้ชั้นยอด ซึ่งจะกำจัดพระเจ้าออกไปทั้งหมด ด้วยการเรียกเผ่า Pit Lords กับMannaroth ผู้นำของพวกมัน Sageras รู้ว่ากองทัพต่างๆของเขารวมตัวกันและพร้อมที่จะทำตามบัญชาของเขา เขาจึงปล่อยกองทัพที่เร่าร้อนสู่ความกว้างใหญ่ไพศาลของ Great Dark เขาเรียกกองทัพของเขาว่า Burning Legion จนถึงวันนี้ยังไม่แน่ชัดว่าโลกกี่ดวงที่พวกมันกลืนกินและเผาผลาญไปในสงครามอันไร้ศีลธรรมทั่วจักรวาล




ไททั่น ยังคงเดินทางจากโลกหนึ่งไปสู่อีกโลกหนึ่งเพื่อกำหนดรูปแบบโลกของเขา โดยไม่รู้เรื่องภารกิจของ Sargeras ที่จะทำลายผลงานของพวกเขาที่สร้างขึ้นมา ระหว่างการเดินทางพวกเขาได้พบโลกที่มีขนาดเล็กซึ่งมีชื่อว่า Azeroth พวก ไททั่น มอบอำนาจให้เผ่าต่างๆจำนวนหนึ่งเพื่อให้โลกเป็นรูปร่างขึ้นมา พวกเขาสร้างคนแคระขึ้นมาจากก้อนหิน พวกเขาสร้างยักษ์ขนาดใหญ่แต่มีจิตใจอ่อนโยนเพื่อขุดทะเลและยกผืนดินขึ้นจากก้นทะเล เป็นเวลาหลายยุคหลายสมัยที่พวก ไททั่น ย้ายและก่อผืนดินเป็นรูปเป็นร่าง จนในที่สุด เหลืออยู่เพียงทวีปเดียวที่สมบูรณ์แบบ ที่ศูนย์กลางของทวีปพวก ไททั่น สร้างทะเลสาปแห่งพลังงานที่เป็นประกายระยิบระยับ ทะเลสาปนี่ถูกตั้งชื่อว่า Well of Eternity จะต้องเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตสำหรับโลก พลังงานของมันจะหล่อเลี้ยงกระดูกของโลกและมอบพลังให้กับชีวิตเพื่อให้รากในผืนดินอุดมสมบูรณ์ ตลอดเวลา พืช ต้นไม้ สัตว์ประหลาด และสิ่งมีชีวิตของสสรพสิ่งเริ่มงอกงามบนทวีป พวก ไททั่น ตั้งชื่อทวีปว่า Kalimdor ดินแดนแห่งแสงดาวชั่วนิรันดร์ เมื่อแน่ใจว่าโลกใบนี้เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นงานของพวกเขาก็สิ้นสุดลงพวก ไททั่น เตรียมลาจาก Azeroth แต่ทว่า ก่อนที่พวกเขาจะจากไปก็ได้ตัดสินใจมอบพลังให้กับมนุษย์ที่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในโลกเพื่อระวังพวกปีศาจร้ายจะมาบุก Kalimdor สมาชิกที่เหลือแต่ละคนของเผ่า Pantheon กระตุ้นพลังเพื่อสร้างมังกรยิ่งใหญ่ทั้ง 5 Alexstrasza ผู้ตรึงชีวิต Malygos ผู้ถักทอคาถา Ysera แห่งความฝัน Nozdormu แห่งกาลเวลา และ Neltharion ผู้ปกป้องปฐพี มังกรทั้ง5ได้รับพลังมหาศาลจากพวก ไททั่น และจะปกป้องโลกตลอดไป พวก ไททั่นได้ทิ้ง Azeroth เพราะมังกรต่างๆพร้อมจะทำหน้าที่แทนพวกเขาแล้ว น่าเสียดายที่โลกใบเล็กที่เพิ่งเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ถึงหู Sagerasซะแล้ว


ราวหมื่นปีก่อนที่เหล่า Orc และ Human เปิดฉากรบกันในสงครามครั้งแรก โลกแห่ง Azeroth เป็นมหาทวีปเพียงหนึ่งเดียวซึ่งถูกรอบล้อมด้วยทะเลอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ผืนแผ่นดินที่รู้จักกันในนาม Kalimdor ถือเป็นแหล่งกำเนิดของสิ่งมีชีวิตหลายเผ่าพันธุ์ ทั้งหมดต่างแก่งแย่งกันเพื่อความอยู่รอดท่ามกลางโลกอันโหดร้ายนี้ ณ ใจกลางมหาทวีปแห่งนี้มีทะเลสาบปริศนาแห่งพลังงานซึ่งต่อมาถูกขนานนามว่า สระน้ำแห่งนิรันดร์ ถือเป็นหัวใจของเวทมนตร์และธรรมชาติของโลก ขณะนั้น มีกลุ่มชนโบราณรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่ออกหากินในเวลากลางคืน ได้เดินทางไปยังริมสระน้ำแห่งนิรันดร์อันน่าหลงใหลนี้ กลุ่มชนผู้เร่ร่อนได้ถูกพลังลึกลับของสระน้ำดึงดูดไว้ และพวกเขาได้สร้างบ้านอย่างเรียบง่าย ขึ้นมาบริเวณริมสระอันเงียบสงบนี้ เมื่อเวลาผ่านไป พลังแห่งสระน้ำได้ส่งผลต่อเผ่าพันธ์แปลกหน้า มันทำให้พวกเขาแข็งแกร่ง เฉลียวฉลาด และเป็นอมตะพวกเขาเรียกตัวเองว่า Kaldorei หมายถึง บุตรแห่งดวงดาว และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่พวกเขามาอาศัยอยู่ที่นี้ พวกเขาได้สร้างอนุสรณ์และวิหารขนาดใหญ่ขึ้นรายล้อมรอบสระแห่งนี้ Kaldorei หรือที่รู้จักกันในเวลาต่อมาว่า Night Elf ได้ถือเอา Elune ธิดาแห่งดวงจันทร์เป็นสิ่งสักการะสูงสุด และเชื่อว่าในเวลากลางวัน นางจะหลับไหลอยู่ใต้ผืนน้ำ นักบวชและหมอดู Night Elf ยุคแรกต่างพากันศึกษาพลังอันลึกลับของสระน้ำแห่งนี้อย่างไม่มีสิ้นสุด เมื่อสังคม Night elf ได้เติบโตขึ้นจนมีประชากรนับแสน มีสิ่งเดียวที่จะเบนความสนใจของพวกเขาได้ นั่นคือมังกรโบราณผู้ทรงพลังนั่นเอง พวกมันช่วยป้องกันดินแดนจากการคุกคามได้เป็นอย่างดี พวก Night Elf เชื่อกันว่ามังกรคือ ผู้พิทักษ์โลก และควรปล่อยให้พวกมันอยู่โดยลำพังจะดีที่สุด ในเวลาต่อมา ความอยากรู้ของ Night Elfนำพวกเขาไปพบและเป็นมิตรกับสิ่งอันทรงพลังมากมาย หนึ่งในนั้นคือ Cenarius กึ่ง Night Elf กึ่ง เทวดา แห่งป่ายุคแรก Cenarius ผู้เมตตาพอใจในพวก Night Elf และได้สอนพวกเขาให้รู้จักกับโลกแห่งธรรมชาติ เหล่าNight Elf ได้พัฒนาการใช้ชีวิตในป่าแห่ง Kalimdor และสนุกสนานกับการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เมื่อยุคสมัยที่ดูจะไร้จุดจบได้ผ่านไป อารยธรรมของพวก N ight Elf ได้แผ่ขยายออกไปทั้งด้านอาณาเขตและวัฒนธรรม ประเพณีวิหาร ถนนหนทางและที่พักอาศัยของพวกเขาได้ขยายอาณาเขตออกไปทั่วบริเวณทวีปอันมือมิดแห่งนี้ ราชินี Azshara ผู้เลอโฉมแห่ง Night Elf ได้สร้างพระราชวังอันงดงามและใหญ่โตขึ้นบริเวณสระน้ำและให้บริวารผู้ใกล้ชิดอาศัยอยู่ในหอที่ประดับประดาด้วยอัญมณี บริวารของนางซึ่งเรียกว่า Highborne ปฏิบัติตามคำบัญชาของนางทุกอย่าง และเชื่อว่าพวกเขาต้องยิ่งใหญ่กว่าพี่น้องที่มีสถานะด้อยกว่า แม้ว่า Azshara รักประชาชนของนางเท่าๆกันก็ตาม แต่ Highborne ก็ถูกพวกขี้อิจฉาเกลียดชังอยู่อย่างเงียบๆ เพื่อเป็นการแบ่งเบาการศึกษาพลังของบ่อน้ำของนักบวช Azshara ได้ให้พวก Highborne ช่วยค้นหาความลับของสระแห่งนี้ และเปิดเผยความจริงให้โลกได้รู้ เหล่า Highborne ได้แต่หมกมุ้นอยู่แต่กับงานของตน และศึกษาเรื่องของสระนี้อย่างไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย จนกระทั่งพวกเขาสมารถพัฒนาความสามารถในการถ่ายเทและควบคุมพลังงานของสระได้สำเร็จ ขณะที่พวกเขากำลังดำเนินการทดลองไปอย่างขมักเขม้น Highborne ก็พบว่าพวกเขาสมารถใช้พลังที่พบนี้ สร้างสรรค์ หรือทำลายได้อย่างสบาย Highborne ตั้งใจว่าจะมอบชีวิตให้พลังแห่งสระนี้ แม้ว่าพวกเขารู้ดีว่าหากใช้อย่างขาดความรับผิดชอบพลังนี้อาจจะมีอันตรายอย่างมาก แต่ Azshara และเหล่า Highborne ของนางก็เริ่มต้นฝึกเวทมนตร์เหล่านี้ทันที Cenarius และเหล่า Night Elf ผู้รอบรู้ได้เตือนว่าผลของการเล่นกับศาสตร์แห่งเวทมนตร์จะได้รับแต่หายนะเท่านั้น แต่ Azshara กับบริวารของนางก็ยังคงฝึกฝนพลังงานอย่างไม่ฟังคำเตือนของผู้หวังดี เมื่อพลังของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดกับ Azshara และ Highborne ได้เพิ่มความกระด้างและทารุณกับชาว Night Elf ราชินีครั้งหนึ่งที่เคยงดงาม เริ่มห่างเหินจากบุคคลอันเป็นที่รัก และไม่สุงสิงกับใคร นอกจากเหล่านักบวช Highborne ผู้ซื่อสัตย์ของเธอเท่านั้น นักศึกษาหนุ่มนาม Malfurion Stormrage ผู้ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการศึกษาผลกระทบจากสระน้ำนี้ Malfurion ได้เริ่มสงสัยถึงพลังอันร้ายกาจที่เปลี่ยน Highborne และราชินีที่รักของเขา แม้ว่าเขาไม่ตระหนักถึงการมาของปีศาจร้าย แต่เขาก็รู้ดีว่าชีวิตของพวก Night Elf ไม่มีทางเหมือนเดิมได้อีกแล้ว


การใช้เวทมนตร์อย่างขาดความยั้งคิดของ Highborne ได้ทำให้พลังงานไหลวนออกจากสระน้ำแห่งนิรันดร์ และเข้าสู่ความมืดเบื้องบน การหลั่งไหลของพลังงานนี้ได้ส่งกระแสคลื่นไปยังโลกใต้พิภพอันบิดเบี้ยวและสามารถรู้สึกได้โดยจิตใจอันชั่วช้า Sargeras ผู้เป็นปรปักษ์กับสิ่งมีชีวิตทั้งมวล และเป็นผู้นำหายนะมาสู่โลก ได้สัมผัสถึงการไหลของพลังงานนี้ จึงได้มายังโลกแห่ง Azeroth และรู้สึกถึงพลังอันไร้ขีดจำกัดของสระน้ำแห่งนิรันดร์ Sargeras เป็นปีศาจผู้ไม่รู้จักพอ ได้ตกลงที่จะทำลายโลกที่กำลังเติบใหญ่นี้ และยึดเอาพลังงานมาเป็นของตัวเอง Sargeras ได้รวบรวมกองทัพปีศาลจำนวนมหาศาลของตนขึ้น ตั้งชื่อกองทัพว่า Burning Legion และมุ่งตรงไปยังโลกแห่ง Azeroth ทันที กองทัพ Legion อื่ออึงไปด้วยเสียงกรีดร้องของปีศาจนับล้านๆตัว พวกมันมาจากสุดขอบจักรวาล และมีความคิดเดียวคือการเอาชนะเท่านั้น Archimonde ผู้สามานย์ และ Mannaroth ผู้ทำลายล้าง ซึ่งเป็นนายทหารของ Sargeras ต่างก็จัดเตรียมทาสจากนรกของพวกมันให้พร้อมสำหรับการโจมตี ราชืนี Azshara ซึ่งถูกครอบงำโดยเวทมนตร์ของตนเอง ได้ตกเป็นเหยื่อของพลังอันไม่อาจต้านทานของ Sargeras และยินยอมให้มันเข้าสู่โลกของนาง แม้กระทั่งบริวาร Highborne ของนางก็มิอาจขัดขืนต่อพลังเวทมนตร์นี้ และเริ่มบูชา Sargeras ดุจดั่งเทพเจ้า และเพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อ Legion พวก Highborne ก็เสนอให้ราชินีเปิดประตูวนขนาดใหญ่ที่อยู่ภายใต้สระน้ำแห่งนิรันดร์ออก เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว Sargeras ก็เริ่มเข้าบุก Azeroth เหล่านักรบปีศาจของ Burning Legion ได้เคลื่อนทัพสู่โลกผ่านทางสระน้ำแห่งนิรันดร์ และเข้ายึดเมืองที่กำลังหลับไหลของ Night Elf พวก Legion ซึ่งนำโดย Archimonde และ Mannoroth เคลื่อนทัพไปทั่ว Kalimdor โดยทิ้งไว้เพียงแต่ซากของสิ่งก่อสร้าง ปีศาจร้ายได้เรียกไฟนรกมาเผาผลาญวิหารอันงดงามแห่ง Kalimdor นักฆ่าผู้กระหายเลือด Doomguard ได้ย่ำไปทั่ว Kalimdor และสังหารทุกคนที่ขวางทางอย่างโหดร้าย แม้นักรบผู้กล้าแห่ง Kaldorei จะเข้าปกป้องแผ่นดินของตนแต่ก็ต้องพ่ายแพ้แก่ความบ้าคลั่งของกองทัพ Burning Legion อยู่ดี


Malfurion Stormrage รู้ว่าต้องหาความช่วยเหลือเพื่อพลเมืองของเขาโดยเร็ว Illidan Stormrage น้อยชายของเขาซึ่งได้อยู่ในกลุ่ม Highborne และเพื่อเป็นการดึงให้ Illidan ละทิ้งจากอันตรายที่ครอบงำเขาอยู่ Malfurion จึงตั้งใจจะไปหา Cenarius และระหว่างทางเขาได้รวบรวมกำลังเพื่อต่อต้านกองทัพ Legion นักบวชหญิง Tyrande Whisperwind ผู้งดงามได้เข้าร่วมด้วย แม้ว่าทั้ง Malfurion และ Illidan ต่างก็หลงรักหญิงคนนี้อยู่ แต่หัวใจของนางมอบให้กับ Malfurion คนเดียว Illidan ผู้อาภัพเกิดมาก็ต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของพี่ชายที่เป็นผู้ที่รักของคนอื่นมาตลอด อิจฉาความรักของคู่นี้ยิ่งนัก Illidan อกหักและหันไปศึกษาเวทมนตร์อย่างบ้าคลั่งทำให้เขาค่อยๆตกอยู่ใต้อำนาจเวทย์ดำทีละน้อย ต้องพยายามควบคุมตัวเองและความกระหายพลังจากสระน้ำอยู่ตลอด Cenarius ซึ่งอาศัยอยู่ในบึงจันทราอันศักดิสิทธิ์แห่งเทือกเขา Hyjal Cenarius ยินดีช่วยเหลือ Night Elf ด้วยการค้นหามังกรโบราณและนำพวกมันมาช่วยอีกแรง เหล่ามังกรซึ่งนำโดย Alexstrasza มังกรแดงตัวมหึมายอมมาช่วยพวกเขาต่อต้านเหล่าปีศาจ Cenarius เรียกเล่าวิญญาณแห่งผืนป่า ,รวบรวมกองทัพต้นไม้ และนำพวกมันมาสู้กับ Legion ขณะที่เหล่า Night Elf คอยคุ้มกันวิหารแห่ง Azshara และสระน้ำแห่งนิรันดร์ การต่อสู้นั้นดุเดือดมาก ผู้เข้มแข็ง Furion และพรรคพวกก็พบว่าก็พบว่าไม่อาจเอาชนะ Legion ได้ด้วยความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว ขณะที่มหาสงครามเกิดขึ้นทั่วเมืองหลวงแห่ง Azshara แต่ราชินีผู้หลงผิดกลับเฝ้าแต่รอคอยการมาถึงของ Sargeras จ้างแห่ง Legion เตรียมการที่จะเข้าสู่โลกผ่านทางสระน้ำแห่งนิรันดร์นี้ ขณะทีเงามืดอันมหึมาของพวกมันเข้าใกล้มาทุกที Azshara ก็ได้รวบรวมบริวาร Highborne ที่ทรงพลังที่สุดของนางเข้าด้วยกันเพื่อสร้างทางผ่านที่ใหญ่พอสำหรับ Sargeras Malfurion รู้ดีว่าสระน้ำแห่งนิรันดร์เป็นทางเชื่อมให้ปีศาจเข้ามาสู่โลกได้ จึงคิดจะทำลายมันเสีย ด้าน Tyrande เล็งเห็นถึงผลดีจากความคิดของ Malfurion จึงบอกให้ Cenarius และสหายมังกรของพวกเขาทำลายวิหารของ Azshara และหาทางปิดสระน้ำนี้ให้ได้ ด้าน Illidan รู้ดีว่าการทำลายสระนี้ จะทำให้เขาไม่อาจใช้เวทมนตร์ได้อีกจึงหนีออกจากกลุ่ม และไปเตือนเหล่า Highborne ถึงแผนการของ Malurion ด้วยความบ้าคลั่งพลังเวทมนตร์ และที่คนที่เขารักกลับไปชอบพี่ ทำให้ Illidan ไม่รู้สึกผิดกับการทรยศต่อ Malfurion และแปรพักตร์เข้ากับ Azshara และ Illidan สัญญาว่าจะปกป้องสระน้ำด้วยชีวิต เพื่อให้ Sargeras สามารถก้าวข้ามมาโลกได้ ราชินีจึงจำเป็นต้องขยายประตูมิติให้กว้างพอ ในขณะเดียวกันกองทัพแห่ง Elune และพันธมิตรก็ได้รุกคืบหน้าเข้ามาใกล้ ขณะที่ประตูมิติกำลังจะเปิดได้สำเร็จ และเงาของ Sargeras กำลังผ่านผิวน้ำขึ้นมา หนึ่งในมังกรผู้พิทักดิ์ Netharion มังกรแห่งผืนดิน จึงได้ยอมเสียสละร่างกายของตนเองเข้ารับพลังด้านมืด จนกลายร่างเป็นมังกร Deathwing ผู้มีไฟนรกอยู่ท่วมกายนำทัพมังกรผู้ติดตามที่เหลือจู่โจมเข้าสู่ใจกลางของกองทัพ Legion จนสามารถบุกเข้าไปในวิหารได้ Malfurion ได้นำพรรคพวกบุกเข้าไปใจกลางวิหาร ขณะที่พวกเขา บุกไปถึงห้องโถงกลาง ก็พบเหล่า Highborne อยู่ในระหว่างการร่ายเวทย์ขั้นสุดท้าย ทำให้เกิดคลื่นพลังหมุนวนอยู่ภายใต้สระน้ำนั้น และเงาดำของ Sargeras ก็ใกล้ผิวน้ำขึ้นทุกที ทำให้ Malfurion รีบโจมตีทันที Azshara ซึ่งได้รับคำเตือนจาก Illidan จึงได้เตรียมการรับมือ Malfurion เป็นอย่างดี ผู้ติดตาม Malfurion ต้องพ่ายแพ้แก่พลังของ Azshara Tyrande พยายามเข้าโจมตีจากทางด้านหลัง แต่ก็ถูกพวก Highborne จับตัวไว้ได้ แม้ว่า Azshara จะจัดการกับ พวกที่มาบุกได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อย เมื่อ Malfurion เห็นคนที่รัก บาดเจ็บก็ลุกขึ้นสู้หวังจะเอาชีวิตของ Azshara ให้ได้ ขณะที่การรบเป็นไปอย่างดุเดือด Illidan จัดการเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ก็โผล่มาพร้อมกับขวดหลายใบ (คาดว่าเป็นขวดเป๊ปซี่ขนาด 1.25 ลิตรเพราะขวดใหญ่) เขาเอาน้ำจากสระเติมใส่ขวดให้เต็มทุกใบ เพราะเขารู้ดีว่า บ่อน้ำนี้ต้องถูกทำลายอยู่แล้ว จึงได้เก็บพลังนี้ไว้เป็นของตัวเองซะเลย หลังจากพลังของบ่อน้ำและ Sargeras ได้ถูกรวมเข้าด้วยกัน ส่งผลให้ Illidan มีพลังอันกล้าแข็งเกินกว่าใครในพิภพจะต้านทานได้ พลังอันมหาศาลของ Sargeras ทำให้ Illidan ตาบอดและเกิดรอยสักขึ้นทั่วร่าง! ผลจากการต่อสู้รบระหว่าง Malfurion กับ Azshara ทำให้การร่ายเวทย์ของ Highborne ต้องปั่นป่วน ทำให้กระแสน้ำวนในบ่อเกิดระเบิด เกิดผลกระทบทำให้โลกถูกแบ่งแยกออกจากกันตลอดกาล วิหารสั่นสะเทือน เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ ฉีกโลกออกเป็นเสี่ยงๆ สระน้ำแห่งนิรันดร์ ก็พังทลายลงในที่สุด และหยุดยั้งการมาถึงของ Sargeras ได้สำเร็จ


เกือบ 8 ส่วน 10 ของแผ่นดิน Kalimdor ได้ถูกแยกออกทิ้งไว้เพียงผืนทวีปขนาดเล็กที่ถูกล้อมรอบด้วย ทะเล ณใจกลางทะเลแห่งใหม่นี้ ที่ที่เคยเป็นตำแหน่งของสระน้ำแห่งนิรันดร์ ได้เกิดพายุขึ้น และพลังงานอันปั่นป่วนซึ่งไม่เคยอยู่หนึ่ง รู้จักกันในชื่อว่า Maelstrom มันเป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงความหายนะครั้งรุนแรงที่สุด และยุคสมัยใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น! เหล่า Night Elf ที่เหลือรอดมาจำนวนหนึ่ง ได้รวมตัวกันและสร้างแพแบบเรียบง่ายล่องไปตามทางทีอยู่ข้างหน้า และด้วยความเมตตาของเทพ Elune ทำให้ Malfurion Tyrande และ Cenarius ต่างก็ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติครั้งนี้ เหล่า Night Elf ได้นำพาพวกพ้องที่รอดตายไปสร้างเมืองแห่งใหม่ ขณะที่กำลังเดินทางอยู่ พวกเขาก็ได้สำรวจซากของวิกฤตครั้งนี้ และได้ตระหนักว่า กิเลสของพวกเขา นำมาถึงความหายนะแก่โลก แม้ว่า Sargeras และ Legion ของมันจะถูกกำจัดออกจากโลกได้ แต่ Malfurion และพวก Night Elf ก็รู้ซึ้งถึงการแลกเปลี่ยนครั้งใหญ่ ที่ทำให้โลกย่อยยับ ส่วนพวก Azshara และเหล่า Highborne ของนางได้ถูกฝังอยู่ก้น Maelstorm แต่ก็มีพวก Highborne บางส่วนที่ปลอดภัย แม้ว่า Malfurion จะไม่ไว้ใจพวก Highborne ก็ตาม แต่เขาก็ไม่กังวลเพราะไม่มีพลังของสระน้ำเหลืออยู่แล้ว ขณะที่เหล่า Night Elf ที่เหนื่อยล้าก็มาถึงฝั่งของแผ่นดินจนได้ พวกเขาก็พบว่า เทือกเขา Hyjal ยังปลอดภัย Malfurion และเหล่า Night Elf ได้ปีนขึ้นไปยังยอดเขา เพื่อหาที่ตั้งถิ่นฐานใหม่ เมื่อพวกเขาลงไปยังลุ่ม ที่อยู่กลางเขา พวกเขาก็พบกับสระน้ำบ่อเล็กๆ อันเงียบสงบ แต่ที่น่าตระหนักคือ น้ำในสระแปดเปื้อนไปด้วย เวทมนตร์ ! Illidan ซึ่งรอดตายจากหายนะเช่นกันได้ไปถึงยอดเขา Hyjal ก่อน ได้เทน้ำจากบ่อน้ำแห่งนิรันดร์ลงไปทำให้สระน้ำแห่งนี้แปดเปื้อนไปด้วยเวทมนตร์ อย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ตกใจเมื่อ Malfurion ไล่ตามมาทัน และได้อธิบายถึงความหายนะของเวทมนตร์นี้ แต่ Illidan ไม่ฟัง สองพี่น้องจึงเข้าต่อสู้กัน ด้วยพลังที่ไร้ขีดจำกัดของ Sargeras ทำให้ Malfurion ได้รับบาดเจ็บสาหัสและล้มลง Illidan เกิดความลังเลที่จะสังหารพี่ชายของตนจึงหยุดชะงักไป ทำให้ Cenarius ที่ตามมา ใช้สกิล Root (รากไม้ยึด) จับ Illidanเอาไว้ได้ และกำลังจะสังหารแต่ Malfurionได้ร้องขอไว้ และได้นำ Illidan ไปกักขังในห้องใต้ดินที่มืดมิดใต้เขา Hyjal ตลอดกาล โดยให้ Maive Shadowsong เป็นผู้ควบคุม หลังจากนั้นกลับมาที่บ่อน้ำแห่งนิรันดร์ที่ Illidan สร้างขึ้นใหม่ พวก Night Elf กลัวว่าการทำลายสระน้ำแห่งนี้จะทำให้เกิดหายนะขึ้นอีก จึงตัดสินใจปล่อยมันไว้อย่างนั้น โดยที่ Malfurion ประกาศว่าจะไมฝึกฝนเวทมนตร์อีกเลย แต่พวกเขาก็เริ่มศึกษาศาสตร์โบราณของพวก Druid แทน ซึ่งจะช่วยให้พวกเขา ฟื้นผืนป่าอันเป็นที่รักบนเขา Hyjal ได้อีกครั้ง



Malfurion : Illidan เจ้าคิดผิดจิงๆ ที่จริงแล้วข้าไม่ต้องการที่จะทำกับเจ้าแบบนี้

Illidan : ........


Malfurion : ข้าเคยเตือนเจ้าหลายครั้งแล้ว ว่าพลังเวทมนตร์นั้นจะทำลายชีวิตเจ้า

Illidan : มันไม่ใช่อย่างนั้นท่านพี่


Illidan : พลังของข้า ไม่ได้ทำลายชีวิตข้า........ท่านต่างหากที่เป็นคนทำลายชีวิตของข้า


Malfurion : ........



หลายปีผ่านไป เหล่า Night Elf ต่างทำงานกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อสร้างบ้านเมืองขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาสร้างบ้านใหม่ขึ้นท่ามกลางความเขียวขจีของต้นไม้ เวลานั้น พวกมังกรที่รอดมาจากหายนะครั้งใหญ่ Alexstrasza,Ysera และ Nozdormu พากันมายังที่โล่งอันเงียบสงบของพวก Druid Malfurion ซึ่งกลายเป็น Druid ชั้นสูง ได้เข้ามาพูดคุยกับมังกร และเล่าเรื่องสระน้ำแห่งใหม่ให้พวกมันฟัง เหล่ามังกรตกใจ และกล่าวว่า ตราบใดที่สระน้ำยังอยู่ พวก Legion อาจจะกลับมาทำลายโลกอีกได้ Malfurion กับมังกรทั้ง 3 ต่างคิดวิธีเพื่อไม่ให้ พวก Legion ค้นพบเส้นทางมายังโลกอีก Alexstrasza ผู้ให้ชีวิต ได้วางผลต้นโอ้กไว้ใจกลางสระน้ำ ผลต้นโอ้กนี้เมื่อถูกพลังเวทมนตร์ ก็เติบโตขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่ รากของมันงอกมาจากสระน้ำในสระ และร่มไม้อันเขียวชอุ่มขชองมันได้สูงเสียดหมู่เมฆบนฟ้า ต้นไม้อันมหึมานี้จะเป็นสัญลักษณ์ แห่งความสัมพันธ์ ระหว่าง Night ELf กับธรรมชาติที่จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ เหล่า Night Elf ขนานนามต้นไม้โลกของพวกเขาว่า Nordrassil ซึ่งหมายถึง มงกุฎแห่งสวรรค์ และ Nozdormu ได้ให้พรกับ World Tree ว่าตราบใดที่ ต้นไม้ต้นนี้ยังอยู่ เหล่า Night Elf จะไม่รู้จักแก่ หรือล้มเจ็บเป็นอันขาด


หลายศตวรษผ่านไป Night Elf ได้เติบใหญ่ขึ้น และแผ่ขยายออกไปทั่วทั้งป่าที่พวกเขาเรียกว่า Ashenvale สิ่งมีชีวิตหลายเผ่าพันธ์ต่างปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ภายใต้การเมตตาของ Druid เหล่า Night Elf ต่างก็มีความสุขกับยุคแห่งสันติภาพ อย่างไรก็ตาม พวก Highborne ที่รอดมาได้ ก็กำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พวกมันเซ็งจิตกับการสูญเสียพลังเวทมนตร์ไป แต่พวกมันก็ยังคงหลงใหล กับพลังเวทมนตร์ และการฝึกฝนเวทมนตร์ได้เริ่มต้นอีกครั้ง Dath'Remar ซึ่งเป็นผู้นำของเหล่า Highborne เขาพูดจาเยาะเย้ยถากถางพวก Druid ตามที่สาธารณะต่างๆ โดยเรียกพวกเขาว่าพวกขี้ขลาด ที่ไม่กล้าใช้เวทมนตร์ที่เป็นของพวกมัน Malfurion กับพวก Druid ไม่สนใจคำกล่าวของ Dath'Remar และเตือนเหล่า Highborne ว่าการใช้เวทมนตร์จะนำมาซึ่งแต่หายนะ ระหว่างนั้นพวกเขาไม่ได้ระวังตัว Dath'Remar และสมุน ได้ปล่อยพายุเวทมนตร์ อันร้ายกาจซัดใส่ Ashenvale เพื่อบังคับให้พวก Druid ล้มเลิกความคิดนี้เสีย พวก Druid ไม่อาจฆ่าเพื่อนร่วมเผ่าได้ จึงตัดสินใจเนรเทศ พวก Highborne ที่เป็นภัยเหล่านี้ออกไปจากดินแดนของตน Dath'Remar กับพวกต่างยินดียิ่งนักที่ไม่ได้อยู่ร่วมกับพวกหัวโบราณได้ (ดูมานด่า) และสร้างเรือพิเศษ ล่องออกไปในทะเล และล่องเรือมายังทางทิศตะวันออกที่เรียกว่า Lordaeron พวกมันวางแผนที่จะสร้าง Quelthalas อาณาจักรเวทมนตร์ ของตัวเองขึ้นมา และไม่ยอมรับกฏของพวก Night Elf ที่ต้องบูชาดวงจันทร์ หรือหากินในเวลากลางคืน นับแต่นั้นมา พวกมันก็เป็นที่รู้จักกันในชื่อ High Elf





เมื่อเหล่าญาติ ผู้ดื้อรั้นได้จากไป พวก Night Elf ได้ให้ความสนใจกับการรักษาเมืองมากขึ้น ขณะที่ เหล่า Druid ใกล้จะถึงฤดูจำศีลของพวกมันอีกแล้ว Tyrande ซึ่งกลายเป็นนักบวชหญิงคนแรกแห่ง Elune ได้ขอให้ Malfurion คนรักของเธอ ไม่ให้ไปยัง Emerald dream ของ Ysera แต่เขาจะเป็นจริงๆที่ต้องไปยังที่นั้น และได้บอกลา Tyrande และสัญญาว่าจะกลับมาหาคนที่รัก Tyrande ถูกทิ้งไว้เพื่อป้องกัน Kalimdor จากอันตรายต่างๆ เธอได้รวบรวมพี่น้องสตรี Night Elf ของเธอขึ้นเป็นกองทัพที่แข็งแกร่ง นักรบหญิงผู้กล้าหาญ ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี พวกเธอเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Sentinel แม้ว่าพวกเธอจะชอบลาดตระเวน ป่าอันเงียบสงบเพียงลำพัง แต่เมื่อใดที่มีเหตุฉุกเฉิน พวกเธอจะเรียกกำลังเสริมออกมาได้ทันที ด้านสิ่งมีชีวิตกึ่งเทพอย่าง Cenarius ก็ยังคงช่วยพวก Night Elf รักษาความเรียบร้อยในเมืองอยู่เสมอ แม้แต่ Dryad ลูกของ Cenarius ก็ปรากฏกายออกมาบ่อยขึ้นด้วย แม้ว่าภารกิจในการรักษาความสงบของ Ashenvale จะทำให้ Tyrande แทบไม่มีเวลาว่าง แต่เธอก็รู้สึกเหงาเพราะไม่มี Malfurion คนรักของเธออยู่ด้วย หลายศตวรรษ ผ่านไป เธอคิดว่า เหล่า Burning Legion กำลังวางแผนที่จะล้างแค้นเหล่า Night Elf และโลกแห่ง Azeroth อย่างแน่นอน



หลังจากที่ Azeroth ได้รู้จักกับหายนะที่ เหล่า Burning Legion ได้ฝากไว้ Guardian of tirisfal จึงถือกำเนิดขึ้นโดยการร่วมมือกันระหว่างมนุษย์ High Elf และ เผ่า Gnom เพื่อสร้างสุดยอดจอมคาถามาทำหน้าที่ปราบปรามเหล่าปีศาจร้ายที่เหลือรอดจากสงครามคราวก่อน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Magna Aegwyn เด็กหญิงเพียงคนเดียวในบรรดาลูกศิษย์ทั้ง 5 ของ Magna Scavell เธอสามารถเรียนรู้เวทมนตร์ทั้งหมดจากบันทึกของ Metre ไฮเอลพ์ผู้สูงศักดิ์ในอดีต ซึ่งเป็นตำราที่ Magna ทุกคนต้องเรียนรู้ได้สำเร็จในเวลา 1 ปีเท่านั้น หลังจากผ่านการทดสอบมากมาย เธอก็ได้รับเลือกให้เป็น Guardian of tirisfal ในที่สุดถึงแม้ Aegwyn จะเป็นมนุษย์ แต่หลังจากได้ศึกษาเวทย์ชั้นสูงทำให้มีอายุยืนยาว หลังผ่านไป 500 ปี ณ ดินแดน Northend อันหนาวเหน็บ Magna Aegwyn ก็ได้พบกับร่างจำแลงของราชันย์ปีศาจ Sargeras
ด้วยความช่วยเหลือจากมังกรผู้พิทักษ์แห่ง Azeroth ทำให้เธอสามารถเอาชนะ Sargeras ได้ และได้นำร่างของผู้นำกองทัพ Burning Legion ไปเก็บไว้ใน Tomb of Sargeras วิหารแห่งเวทมนตร์ที่เหล่ามังกรนำไปโยนทิ้งไว้ ในทะเล Great Sea อีกที เพื่อไม่ให้ร่างของ Sargeras ซึมซับพลังของ Twisting Nether ได้ Aegwyn คิดว่าเธอสามารถกำจัดจอมปีศาจที่ชั่วร้ายที่สุดของจักรวาลไปได้.......แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นกองทัพ Legion รู้ดีว่าโลกใบนี้ได้รับพลังจากเทพ Titan มากเกินไป และคงยากที่จะเอาชนะมังกรผู้พิทักษ์ได้ การโจมตีจากภายในจึงเริ่มขึ้น
ชัยชนะของ Aegwyn คือจุดเริ่มต้นของหายนะ 45 ปีก่อนการเชื่อมต่อ Sargeras แกล้งแพ้ต่อเธอและฝังร่างตัวเองไว้ในครรภ์ของนาง Aegwyn กลับสู่ Guardian of tirisfal ในท่าทีที่เปลี่ยนไป ด้วยพลังด้านมืดในตัวบังคับให้เธอเดินทางลงไปทางใต้ (อาจเป็นยะลา ปัตตานี หรือนราธิวาสก็เป็นได้) จนได้พบกับ Nielas Aran ชายผู้ศึกษาเวทย์ที่หล่อเข้าขั้นเทพและยังสติปัญญาดีอีกต่างหาก เหมาะกับการให้กำเนิดใหม่ของจอมมาร Sargeras (ช่างเลือกเหมือนกัน จะเกิดที) Aegwyn ได้ตามจีบจน Nielas Aran หลงรักเธอจนหมดใจ 8 ปีหลังสงคราม แผนที่ Sargeras วางเอาไว้จึงเริ่มต้น Medivh บุตรชายของ Aegwyn จึงถือกำเนิดขึ้นมา Nielas Aran ผู้น่าสงสาร หลังจากคลอดบุตรแล้ว Aegwyn ก็ได้ทอดทิ้งสามีและบุตรของเธอไปในคืนนั้น โดย Aegwyn ได้ผนึกพลังของ Medivh ไว้ให้เป็นเด็กธรรมดาจนกว่าจะถึงวัยอันสมควร ตามความต้องการของ Sargeras เพราะการกำเนิดของ Medivh เพื่อเหตุผลเดียว คือเปิดประตูให้กองทัพ Horde บุกมาทำลาย Azeroth นั้นเอง
อีกหนึ่งแผนการของ Sargeras คือการล่อลวงให้พวกออร์ค แห่งโลก Draenor หรือเรียกอีกชื่อว่า Outland อันเป็นดินแดนที่เอลฟ์มอบให้ ออร์ค ได้อยู่อย่างสงบสุขกับพวก Draenei แม้เหล่าออร์คจะชื่นชอบการต่อสู้ รบเก่ง และมีร่างกายที่แข็งแรง แต่พวกเขาก็รักสันติและใช้ชีวิตกับธรรมชาติ คงมีแต่วิถีชีวิตแบบโบราณที่ค่อนข้างป่าเถื่อน และด้วยแผนที่ถูกวางเอาไว้ Kiljaeden สมุนมือขวาของ Sargeras จึงได้เข้าพบกับผู้นำของกลุ่ม Horde ซึ่งก็คือ Nerzhul พ่อมดชั้นสูงของเผ่าออร์คโดย Nerzhul ได้ทำสัญญาลับๆ กับ Kiljaeden (เป็นการทำสัญญาเลือดแบบเดียวกับ Ghost Rider) ในการฝึกฝนและเตรียมให้กองทัพ The Horde ทำสงครามทำลายล้าง Azeroth และด้วยความร่วมมือของ Guldan ศิษย์เอกของ Nerzhul เมื่อถูกปลุกปั่นโดย Mannaroth ราชา Pit Lord จอมทำลาย กองทัพ The Horde ผู้บ้าคลั่งก็ได้บุกโจมตี Draenei (Gondar) เพื่อนบ้านทันที
ยังไม่หมดนะครับ มันมีเยอะมากๆ เลยเอามาลงแค่นี้ ถ้าอยากให้เอามาลงต่อก็ แสดงความเห็นบอกไว้ละกัน

3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ชอบนะครับ ติดตามอยู่นานละ เจอแต่พวกไร้สาระแต่งกันเองสะเปะสะปะ ขอบคุณที่เอามาลงจะรออ่านต่อนะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากๆเลยขอรับ

ชอบมากคัฟฟฟ

ขอบคุณอีกรอบคัฟฟ

Unknown กล่าวว่า...

ชอบมากๆคับ รีบเอามาลงไวๆนะครับ